Sunday, March 8, 2015

ตัวอย่างการใช้ FIN App เพื่อดูว่าเราลงทุนถูกกองทุน หรือว่า ลงผิดกองทุน (เสียโอกาส) หรือไม่

ในช่วง 5-6 ปีที่แล้ว ประมาณปี 2009  ตัวผมเองก็เริ่มใช้บริการกองทุนรวมแบบลงเงินจริงจังมากขึ้น แต่ทว่า ณ ขณะนั้น เราจะเลือกกองทุนที่ มีชื่อเสียง เป็นบริษัทภายใต้ Bank สีขนาดใหญ่  ลงทุนไป โดยไม่ได้ดูว่า อยู่ถูกกอง หรือ อยู่ผิดกอง  โชคดีที่ว่า ช่วงปี 2009-2011 นั้น  ตลาดหุ้นภาพรวม มันก็ลากกันขึ้นหมด ดังนั้นก็จะเห็นว่ามันมีกำไร ก็พอใจแล้ว  จำไม่ได้ว่ากำไรกันที่กี่ % แต่ก็กำไรแหล่ะ

แต่เราไม่ได้ดูในรายละเอียดว่า  ในช่วงเวลาเดียวกัน มันมีอีกหลายๆ กอง ที่กำไรมากกว่า อาจจะเป็นเท่าตัว โดยใช้ระยะเวลาเท่ากัน  นั่นแปลว่า  เราเสียโอกาสโดยที่เราไม่รู้ตัว !!!

Blog นี้จะชี้ให้เห็นภาพครับ ว่า การอยู่ถูกกอง กับ การอยู่ผิดกองนั้น  โดยใช้ระยะเวลาลงทุนเท่ากันนั้น ผลต่างมันเยอะพอสมควร อย่างมีนัยยะสำคัญเลยทีเดียว ยกตัวอย่าง กองทุน LTF และ RMF ที่ดีที่สุด Top5 ตั้งแต่ต้นปี 2558 จนถึงวันที่ 6 มีนาคม 2558

กองทุน LTF ที่มี Performance ที่ดีที่สุด
นับจากต้นปี 2558 จนถึง 6 มีนาคม 2558 (YTD) รวมระยะเวลาประมาณ 2 เดือน

กองทุน RMF ที่มี Performance ที่ดีที่สุด 
นับจากต้นปี 2558 จนถึง 6 มีนาคม 2558 (YTD) รวมระยะเวลาประมาณ 2 เดือน

จะเห็นว่า กองทุน LTF Top5 ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ทำกำไรได้อยู่ในช่วง  +7% ถึง +9%  ในขณะที่กลุ่ม RMF Top5 ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ทำกำไรได้ในช่วง  +8% ถึง +15%  (โอว้ เยอะกว่า LTF)  ก็อย่างที่ผมโปรยนำไว้ครับ ถ้าเราอยู่ "ถูกกอง"  เช่นมี LTF/RMF อยู่ในกลุ่ม Top 5 นี้  ก็จะได้ กำไร ตามนี้ในช่วงเวลาอ้างอิงเดียวกัน  อย่างผมเองก็จะมี CG-LTF และ KTSE-RMF ทั้งคู่ก็อยู่ในวงนี้ ก็ happy , good feeling ดีครับ  :)

ทีนี้ลองมาดู ในมุมตรงกันข้ามบ้าง   เราจะใช้ FIN ให้เรียงลำดับในทางตรงกันข้าม  กดตรง Icon ด้านขวาบน ที่เป็นไอคอนอยู่ข้างๆ ปุ่ม Search (แว่นขยาย)

กองทุน LTF ที่มี Performance ในทางกลับกัน 
นับจากต้นปี 2558 จนถึง 6 มีนาคม 2558 (YTD) รวมระยะเวลาประมาณ 2 เดือน

กองทุน RMF ที่มี Performance ในทางกลับกัน 
นับจากต้นปี 2558 จนถึง 6 มีนาคม 2558 (YTD) รวมระยะเวลาประมาณ 2 เดือน

เราจะเห็นว่าในมุมกลับกัน LTF/RMF จะทำกำไรหรือทำขาดทุน ได้อยู่ในช่วงแถวๆ 0% ถึง +0.3% เท่านั้น    ซึ่งแน่นอนในกลุ่มนี้จะมี LTF กองที่ใช้ SET50 Futures ทำประกันความเสี่ยงไว้เช่น KSDLTF หรือ 1SMART-LTF ทำให้ Performance ไม่บวก ไม่ลบมากเกินไป ซึ่งก็ตรงตามวัตถุประสงค์ของกลุ่มกองทุนประเภทนี้ หรือกองฝั่ง RMF ที่ลงทุนในพันธบัตรหรือสินทรัพย์เสี่ยงน้อยก็ได้ performance ไม่เยอะ ก็ตรงตามวัตถุประสงค์ของ RMF ประเภทนั้นเช่นกัน แต่มันก็จะมีกอง LTF/RMF อื่นๆ ที่ลงทุนในหุ้น  แต่ก็ ได้ performance ตามที่เห็นในช่วงเวลาดังกล่าว  ก็เป็นตัวอย่างก็แล้วกันครับ หรืออาจจะไปดู Fund Rank อื่นๆ ใน FIN App ได้ครับ

ลองเปรียบเทียบกันในภาพใหญ่ครับ  แค่ในช่วงเวลาเดียวกันประมาณ 2 เดือน  กลุ่มนึงทำกำไรกัน ในช่วง 7% ถึง 15%   อีกกลุ่มอยู่แถวๆ 0% ถึง 0.3% เท่านั้น   Performance ต่างกันพอสมควร  ถ้ามองกันที่ระยะไกลขึ้นเช่น 1 ปี ก็จะยิ่งแตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญมากไปกว่านี้

ดังนั้น การเลือกอยู่ให้ถูกกองนั้น  ค่อนข้างสำคัญไม่น้อยนะครับ  เพราะเวลามันก็วิ่งไปเรื่อยๆ ไม่เคยหยุด แล้วเอาเราเก็บเงินของเราไว้ถูกที่หรือเปล่า ??   เรื่องนี้  FIN App จะช่วยได้  อย่างน้อยๆ ก็ทำให้รู้ว่า กองทุนอื่นๆ เมื่อเทียบกับกองที่เราลงทุนอยู่  มันอยู่ในระดับ จ่าฝูง หรือไม่  :)


No comments:

Post a Comment